Ludisia discolor (Ker-Gawl.) A. Rich. (ท. ว่านร่อนทอง, ว่านน้ำทอง)
(ภาพจาก http://www.malihini.org/images/) เป็นกล้วยไม้ดินที่มีลักษณะค่อนข้างโบราณ แต่ใบมีสีน้ำตาลแดง และมีลวดลายสวยงาม จัดเป็นไม้ใบที่สวยงามชนิดหนึ่ง ขณะที่ดอกมีขนาดเล็กและไม่มีความโดดเด่นแต่อย่างใด
ในที่นี้จะแบ่งกลุ่มกล้วยไม้ตามอนุกรมวิธานก่อน โดยแบ่งเป็น subfamily หรือ วงศ์ย่อย แล้วย่อหน้าถัดไปเป็น tribe subtribe และ genus หรือสกุล โดยจะกล่าวเฉพาะที่พบในธรรมชาติของประเทศไทยเท่านั้น แท้จริงแล้วกล้วยไม้ยังมีสกุลต่างๆ อีกมากกว่านี้มากมายนัก โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาใต้ มีกล้วยไม้สกุลที่ต่างไปจากสกุลต่างๆ ในประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมาก เช่นกลุ่ม Catleya, Oncidium เป็นต้น ซึ่งแต่ละกลุ่มยังมีอีกหลายสกุลเช่นกัน แต่เพียงเท่าที่มีอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย ก็น่าตกใจแล้วว่าทำไมจึงมีกล้วยไม้มากสกุลมากชนิดเหลือเกิน ทั้งที่เรารู้จักกันอยู่เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น
- Subfamily
- Tribe
- Subtribe
- Genus
มาดูกันก่อนว่าวงศ์ย่อยของกล้วยไม้มี 6 วงศ์ย่อยอะไรบ้าง ดังนี้
- Apostasioideae
วงศ์ย่อยนี้เป็นกล้วยไม้ดิน มีลักษณะดั้งเดิมหรือโบราณมากที่สุดใน 6 วงศ์ย่อย คือกลีบเลี้ยงและกลีบดอกทั้งหมดมีลักษณะคล้ายกัน ไม่มีกลีบปาก จึงดูคล้ายพืชในวงศ์ลิลลี่ (Liliaceae) เกสรเพศผู้ (stamen) มีจำนวน 3 หรือ 2 อัน เรณูเป็นผง ยอดเกสรเพศเมียมีก้านชูและภายในรังไข่ยังแยกเป็น 3 ช่อง (ต่างจากวงศ์ย่อยอื่นๆ ที่มีเกสรเพศผู้ 1-2 อัน และภายในรังไข่มี 1 ช่อง)
- Cypridedioideae
ส่วนใหญ่เป็นกล้วยไม้ดิน ส่วนใหญ่มีอายุนานหลายปี ไม่ทิ้งใบ ได้แก่พวกรองเท้านารี มีลักษณะเด่นคือกลีบเลี้ยงด้านข้างเชื่อมติดกันเป็นอันเดียว อยู่ที่ด้านล่างของดอก กลีบปากเป็นถุงคล้ายหัวรองเท้า มีเกสรเพศผู้ 2 อัน อยู่ด้านข้างของเกสรเพศผู้ที่เป็นหมันซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่น ละอองเรณูเหนียว จับเป็นกลุ่ม
- Neottioideae
ส่วนใหญ่เป็นกล้วยไม้ดินเช่นกัน มีเหง้าทอดไปตามผิวดินหรือใต้ดิน หรือมีรากสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน ใบบาง เกสรเพศผู้มี 1 อัน ผนังฝาปิดอับเรณูไม่หลุดร่วง กลุ่มละอองเรณูประกอบด้วยกลุ่มละอองเรณูย่อยจับเป็นก้อน มีลักษณะอ่อน ยึดติดกับแผ่นเยื่อเหนียวๆ (visidium) และจะงอยของยอดเกสรเพศเมียมักจะยืดตัวยาว
- Orchidioideae
มีลักษณะใกล้เคียงกับวงศ์ย่อย Neottioideae แต่กลุ่มละอองเรณูมีก้านไปยึดติดกับแผ่นเยื่อบางๆ ส่วนปลายของจะงอยยอดเกสรเพศเมียมักจะยึดตัวอยู่ระหว่างอับเรณู
- Epidendroideae
กลุ่มนี้มีกลักษณะต้นและใบหลากหลายมาก มีทั้งกล้วยไม้อิงอาศัยและกล้วยไม้ดิน มีเกสรเพศผู้ 1 อัน อับเรณูส่วนบนจะแยกออกเป็นฝาปิด (operculum) และร่วงหลุดไปเมื่อเจริญเต็มที่ ละอองเรณูจับเป็นก้อนแน่น แต่ไม่แข็ง ส่วนใหญ่กลุ่มละอองเรณูไม่มีก้าน (stripes)
- Vandoideae
ลักษณะต้น ใบ และจำนวนเกสรเพศผู้คล้ายวงศ์ย่อย Epidendroideae ส่วนใหญ่เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย มีส่วนน้อยที่เป็นกล้วยไม้ดิน กลุ่มละอองเรณูค่อนข้างเหนียวหรือแข็ง อยู่เป็นชุดกลุ่มละอองเรณู มีก้านและมีแป้นยึดก้าน
แม้ว่ากล้วยไม้จะมีหลายวงศ์ย่อยดังที่กล่าวมาแล้ว รวมแล้วมีหลายสิบสกุล แต่ที่นิยมเลี้ยงกันก็มีไม่มากนัก ทั้งนี้เพราะหลายสกุลไม่อาจเลี้ยงในสภาพแวดล้อมปกติได้ เนื่องจากเป็นกล้วยไม้กินซาก บางชนิดดอกไม่สวยงาม หรือมีขนาดเล็กมาก บางชนิดก็มีลำต้นใหญ่เกินไป หรือเลี้ยงยาก จึงมีเพียงบางสกุลเท่านั้นที่นิยมเลี้ยงกันตามบ้าน แต่ในหมู่ผู้นิยมกล้วยไม้ป่าแล้ว ก็มักจะหากล้วยไม้แปลกๆ ที่พอเลี้ยงได้มาเลี้ยงเช่นกัน แต่ถ้าไม่แน่ใจว่ารู้จักกล้วยไม้นั้นๆ ดีพอแล้ว ก็อย่านำมาเลี้ยงดีกว่า เนื่องจากกล้วยไม้บางชนิดมีความจำเพาะต่อสภาพแวดล้อมมาก เช่น บางชนิดชอบแสงแดดจัด บางชนิดชอบอากาศเย็นตลอดปี บางชนิดชอบความชื้นสูง การเลี้ยงกล้วยไม้เหล่านั้นรวมกัน โดยไม่ทราบความแตกต่างที่มันต้องการ จะทำให้บางต้นตายไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องจากปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยไม่ได้
การแบ่งกล้วยไม้เป็น tribe subtribe และสกุลต่างๆ ในวงศ์ย่อยต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว เป็นดังนี้
- Apostasioideae
- Apostasioideae
- Apostasia
- Cypridedioideae
- Paphiopedilum
- Cranichideae
- Goodyerinae
- Anoectochilus
- Cheirostylis
- Goodyera
- Herpysma
- Ludisia
- Zeuxine
- Diurideae
- Cryptostylidinae
- Crystostylis
- Gastrodieae
- Epipogiinae
- Epipogium
- Neottieae
- Limodorinae
- Aphyllorchis
- Nervilieae
- Nervilia
- Tropidieae
- Corymborkis
- Tropidia
- Orchideae
- Orchidinae
- Brachycorythis
- Habeneria
- Hemipilia
- Pecteilis
- Peristylus
- Sirindhornia
- Arethuseae
- Bletiinae
- Acanthephippium
- Anthogonium
- Bletilla
- Calanthe
- Eriodes
- Ipsea
- Mischobulbon
- Nephelaphyllum
- Pachystoma
- Phaius
- Plocoglottis
- Spathoglottis
- Tainia
- Coelogyneae
- Coelogyinae
- Coelogyne
- Dendrochilum
- Neogyne
- Otochilus
- Panisea
- Pleione
- Pholidota
- Thuniinae
- Thunia
- Dendrobiinae
- Bulbophyllinae
- Bulbophyllum
- Cirrhopetalum
- Drymoda
- Epicrianthes
- Ione
- Mastigion
- Monomeria
- Rhytionanthos
- Sunipia
- Trias
- Dendrobiinae
- Dendrobium
- Epigeneium
- Flickingeria
- Epidendreae
- Adrorhizinae
- Polystachya
- Glomerinae
- Agrostophyllum
- Malaxideae
- Liparis
- Malaxis
- Oberonia
- Misfits
- Arundinae
- Arundina
- Podochileae
- Eriinae
- Ceratostylis
- Eria
- Porpax
- Trichotosia
- Podochilinae
- Appendicula
- Podochilus
- Thelasiinae
- Phreatia
- Thelasis
- Vanilleae
- Galeolinae
- Galeola
- Vanillinae
- Vanilla
- Cymbidiae
- Acriopsidinae
- Acriposis
- Bromheadiinae
- Bromheadia
- Cyrtopodiinae
- Cymbidium
- Grammatophyllum
- Eulophiinae
- Eulophia
- Geodorum
- Thecostelinae
- Thecopus
- Thecostele
- Vandeae
- Aeridinae
- Acampe
- Adenoncos
- Aerides
- Arachnis
- Armodorum
- Ascocentrum
- Brachypeza
- Cleisomeria
- Cleisostoma
- Chiloschista
- Crypopylos
- Diploprora
- Doritis
- Esmeralda
- Gastrochilus
- Grosourdya
- Holcoglossum
- Hytgrochilus
- Kingidium
- Lesliea
- Luisia
- Malleola
- Micropera
- Microsacus
- Ornithochilus
- Papilionanthe
- Pelatantheria
- Pennilabium
- Phalaenopsis
- Pomatocalpa
- Pteroceras
- Renanthera
- Renantherella
- Rhynchostylis
- Robiquetia
- Sacolabiopsis
- Sarcoglyphis
- Schoenorchis
- Seidenfadenia
- Smitinandia
- Staurochilus
- Stereochilus
- Taeniophyllum
- Thrixspermum
- Trichoglottis
- Trudelia
- Tuberolabium
- Vanda
- Vandopsis
- Ventricularia
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น